งานบริการ

ในชีวิตหนึ่งคุณต้องลองทำงานบริการซักครั้ง …

บางครั้งการที่เราไม่ได้ยืนอยู่สถานะเดียวกับคนอื่นเราอาจจะไม่รู้สึกเหมือนที่เขารู้สึก ไม่ได้คิดเหมือนที่เขาคิด ไม่ได้คาดหวังเหมือนกับที่เขาคาดหวัง ใช่แล้ว … ผมกำลังพูดถึงคนที่ค่อยบริการคุณครับ ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท๊กซี่ การเช็คพื้น การดูแลบ้าน เราเรียกอาชีพเหล่านี้ว่าว่า อาชีพบริการ แล้วมันเกี่ยวอะไรที่เราต้องไปเรียนรู้งานพวกนี้ด้วยในเมื่อฉันก็จบ ป. ตรี หรือสูงกว่านั้นงานพวกนี้ก็ให้นักศึกษาหรือคนที่เรียนมาน้อยหรือคนที่ไม่ีมีทางเลือกสิ ฉันมีทางเลือก ทำไมฉันต้องเลือกในสิ่งที่ลำบาก … วันนี้ผมจะมาบอกคุณง่ายๆ 5 หัวข้อว่าทำไมคุณถึงต้องลองทำงานด้านนี้ดูซักครั้งในชีวิตครับ

1. รู้จักพูดขอบคุณ

งานบริการ

ตอนผมเป็นเด็กมหาลัยนั้นผมไม่ค่อยได้พูดคำนี้ซักเท่าไรครับ และคิดว่าคนที่ทำงานบริการเรา เขาทำเพราะ่ว่าเขาต้องการเงินจากเรา เขาถึงยอมทำ วันหนึ่งที่เป็นช่วงปิดเทอม summer นั้นพ่อผมบอกว่าให้ไปลองทำงาน ดีกว่าอยู่ว่างๆนั่งเล่นเกมไปเรื่อยๆ ผมก็เป็นพวกดื้อแต่ก็ทำนะโอเคไปลองดูกับเพื่อนอีก 2 คนทำงานเป็นบริกร นั่นคือเป็นพนักงานของเมเจอร์โบว์ล ทำทุกอย่างจริงๆตั้งแต่เก็บลูก เช็คโต๊ะ เก็บจาน เช็คของ เสิร์ฟอาหาร ทำหมดทุกอย่างเหนื่อยมากและค่าแรงถูกกว่าผมเอาไปเล่นเกมวันๆหนึ่งซะอีก แต่ผมสนุกกับมันว่ะ

เฮ้ย! จริงๆนะผมไม่ได้โม้ ได้เจอคน ได้คุยกับคนการเข้าหาแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็ใจดีให้ tip เล็กน้อยเป็นการตอบแทน บางคนก็เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังโดยถ้าหากเป็นคนอื่นอาจจะไม่ได้ฟังก็ได้ และที่สำคัญผมรู้สึกดีมากๆกับคำว่า ขอบคุณ มันเป็นคำสั้นๆง่ายๆแต่เมื่อเราโตแล้วไม่ค่อยได้พูดซักเท่าไร (มองจากมุมมองของตัวผมเองในตอนนั้น) เมื่อมีคนบอกกับเราอย่างจริงใจและความรู้สึกนั้นได้ส่งผ่านมาถึงเรามันเยี่ยมจริงๆครับ

2.รู้จักอดทนและพูดว่าขอโทษ

มันเป็นจริงทีเดียวเพราะว่าอาชีพนี้นั้นต้องการการอดทน การบริการที่ไม่ถูกใจอาจจะทำมาซึ่งความไม่พอใจและโว้ยว้ายของลูกค้าได้ ฝึกให้เราได้อดทนกับความรู้สึกแย่ และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาก และเมื่อเราอดทนเราต้องรู้จักการยอมรับผิดนั่งคือการ ขอโทษ บางคนพูดคำนี้แทบจะไม่ได้เลย การยอมรับผิดที่เริ่มจากตัวเราก่อนนั้น น่ายินดีกว่าไปโทษผู้อื่นเป็นแน่แท้ ทำให้เราพิจารณาตัวเราเองได้ก่อนอีกด้วย

3.การยิ้ม

ผมเห็นหลายๆคนนั้นยิ้มให้คนไม่รู้จักได้ยากเหลือเกินหรือคนที่เคยเจอกัน การแสดงความจริงใจที่เป็นการลงทุนมูลค่าเป็น 0 บาทนั้นคือการยิ้มให้จริงๆครับ ยิ้มไปเถอะเพราะหากเริ่มยิ้มความสดใสจะตามมาเอง ผมเคยยิ้มให้กับคนที่ไม่รู้จักบนรถไฟฟ้ามาแล้วจริงๆนะเออ ของพวกนี้มันช่วยได้คุณจะยิ้มโดยไม่เขินเลย

4.ช่วยให้เราพูดจาดีขึ้น

รับประกันได้เลยว่าไม่มีใครชอบการพูดจารุนแรงถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่ามันเป็นแนวการพูดของคุณก็เถอะ ถ้าหากว่าคนๆนั้นไม่ใช่เพื่อนสนิทของคุณ จงอย่าได้แม้แต่จะคิดว่าคนอื่นคงไม่เป็นไร เพราะว่าตัวผมเองนั้นก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเพราะ แต่พยายามไม่คิดว่าคนอื่นต้องมารับเรื่องนี้ได้แต่เป็นตัวผมต่างหากที่ต้องปรับปรุง ไม่ใช่บอกคนอื่นว่าเราปรับไม่ได้มันเสแสร้ง ขอบอกเลยว่าไม่จริงๆ หากคุณเรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวมันทำได้หมดแหละครับ เพียงแต่การเริ่มต้นมันยากทุกเรื่อง

5.มนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น

สำหรับข้อนี้หากคุณได้พัฒนาอะไรหลายๆข้อที่กล่าวมาแล้วคุณจะรู้สึกได้ว่าคุณจะมนุษยสัมพันธ์ดีขึ้นจริงๆครับ การพูดการจาบางทีจะได้คิดก่อนว่าสมควรพูดไหม ควรจะตลกหรือเปล่า บางทีการจะพูดอะไรนิดหน่อยอาจจะไปทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายได้เลยทีเดียวและการยิ้มหัวเราะกล้าพูด กล้าแสดงออกนั้นจะช่วยทำให้คุณไม่เคอะเขิน เวลาเจอคนแปลกหน้าใหม่ๆครับ

สรุป

หากว่าคุณยังไม่เคยลอง และกำลังทำงานอยู่คุณลองหาเวลาว่างเสาร์หรืออาทิตย์ไปทดลองบริการคนโดยการเป็นอาสาก็ไม่เลวเลยทีเดียวได้ช่วยคนอื่นอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะคุณเองจะได้เรียนรู้ว่า ตัวคุณได้รับน้ำใจและคำขอบคุณจากคนอื่นได้ง่ายๆ ผมบางทีตอนน้ำท่วมก็ไปช่วยเขาขนทราย ขนดินทำผนังกั้นน้ำ เราไม่รู้จักกันเลยแต่ทุกคนมาช่วยกันพูดไปมันเหมือนการ์ตูนนะครับแต่มันคือเรื่องจริงที่ผมได้สัมผัสและอยากแบ่งปันให้ทุกคนที่แวะเวียนผ่านเข้ามาในบล๊อกแห่งนี้ครับ

แล้วคุณละครับเคยทำงานบริการด้านไหนมา ลองแนะนำผมหน่อย และคุณไ้ด้เรียนรู้อะไรจากมันมาบ้าง ผมอยากรู้ครับ ?

ผมเคยทำงานอาสานะครับ อย่างงาน

ประกาศรวมพลคนอยากพูดงาน WordCamp 2019 ( WordPress )

หากอยากรู้ว่ามีคนอื่นคิดยังไงลองอ่านต่อที่นี่ได้ครับ

https://pantip.com/topic/35421679

Loading

เป็นโปรแกรมเมอร์ที่ตามหาคุณค่าของชีวิตและความฝันในวัยเด็ก ชอบเล่นเกม เรียนรู้ทุกอย่าง ชอบเจอคนใหม่ๆ งานสังคมทุกชนิด ออกกำลังกายในวันว่าง อ่านหนังสือ มีเว็บรีวิวหนังสือด้วย www.readraide.in.th