วันนี้เรียนภาษาอังกฤษเรื่อง conjunction แล้วก็อ่านหนังสือ Devops มาสรุปไว้
English Conjunction คำเชื่อม
วันนี้เรียนเกี่ยวกับคำเชื่อม โดยมันแตกต่างจาก preposition ( คำบุพบท ) ซึ่งเป็นคำเชื่อมคำ พวก in on at to แต่ conjunction มันเป็นแบบเชื่อมประโยคกับประโยคมากกว่า
บอกความเป็นเหตุเป็นผล ( because, that’s why )
ตัวอย่าง
I am healthy because I love to play football.
การใช้ because คือ ผลก่อนแล้วเป็นเหตุ ทำนองเดียวกันถ้าเป็น that’s why ก็คือ เหตุก่อนแล้วเป็นผล วิธีใช้เป็นแบบนี้
I love to play football that’s why I am healthy.
แบบขัดแย้งกัน ( although, even if )
โดยการใช้ although กับ even if นั้นมักจะใช้นำหน้าประโยค ไปดูตัวอย่างกัน
Although I don’t have much money, I have knowledge.
Even if I don’t have much money, I have knowledge.
เราสามารถใช้ but, how ever ตรงกลางประโยคได้ด้วยการเป็นการเชื่อมแบบขัดแย้งได้เช่นกันดูตัวอย่าง
I don’t have much money, but I have knowledge.
I don’t have much money, how ever I have knowledge.
Conjunction แบบยังไม่เกิดขึ้นเป็นเงื่อนไข ( if , supposing )
มาดูแบบแนวเป็นเงื่อนไขที่ยังไม่เกิด แต่ถ้าเกิดจะทำสิ่งนั้นตัวอย่าง
If it rains, I go.
Supposing it rains, I go.
เชื่อมแบบยกตัวอย่าง ( for example, such as )
อันนี้ผมใช้ค่อนข้างบ่อย คือการยกตัวอย่างบางอย่าง แต่อันนี้จะเป็นเชื่อมกับคำนามหลายๆคำครับ ไปดูตัวอย่างกัน
I can play a few musicial intruments, for example the guitar, the bass, the drum.
I can play a few musicial intruments, such as the guitar, the bass, the drum.
เชื่อมแบบขยายความ ( besides, moreover )
เป็นการขยายประโยคข้างหน้าเพิ่มเติมดูตัวอย่างกัน
I have paid a lot money for the house, besides I have paid for the car.
I have paid a lot money for the house, moreover I have paid for the car.
เชื่อมแบบพิเศษ ( and, or, but )
แก็งนี้จะพิเศษกว่าคนอื่นเชื่อมได้ทั้งคำนาม สรรพนาม ประโยคเลยไปดูตัวอย่างกัน
You and me
a pizza or a donut ?
เวลาใช้เชื่อมคำกับคำ ถ้าเป็นสรรพนามก็กับสรรพนาม ประมาณนี้
วันนี้ก็เรียนแล้วจบไปกันไปสำหรับเรื่องนี้ ก็สนุกดี
ฝึก shadowing
วันนี้เริ่มฝึก shadowing แค่พยายามพูดตามคือไม่ทัน america accent คือโครตเร็ว นี่ขนาดหยุดแล้วพูดตามทีละประโยคยังพูดไม่ค่อยได้เลย แต่อย่างน้อยก็เริ่มทำแล้ว
เริ่มอ่านหนังสือ Devops 3 บท
หนังสือเล่าถึงว่าที่มาของ git ที่เราใช้กันทุกวันนี้เกิดจากอะไร คำว่า checkout เอาจริงๆก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันเกิดจากตอนที่เอาไฟล์ออก repo มาใส่เครื่องตัวเอง มีการเล่าที่มาว่าแต่ก่อนการ developer software มันก็เริ่มมาจากง่ายๆแหละ โดยเอาไฟล์ไปวางๆทับกัน แต่มันเกิดปัญหาว่าไฟล์คนหลังเอามาทับแล้วงานคนแรกหาย
ก็พัฒนามาเรื่อยๆ จากตอนแรกเหมือนเราเคยเห็นไฟล์ที่ save งานพวก design ใช่ไหมเช่น
login.php
login_v2.php
login_final.php
login_latest.php
พอมันทำอย่างนี้ตอนแรกก็สับสนว่าอันไหนคืออันล่าสุด แล้วถ้าจะถอยไฟล์ไหนคืออันที่ต้องถอยไปหา ก็เลยเกิดวิธีแก้ไขต่อมาคือ งั้นเรา copy ทั้ง folder เก็บไว้เลย ตามวันเวลา จะได้อยู่เป็นกลุ่มๆ แต่สุดท้ายปัญหาต่อมาก็คือ เปลืองพื้นที่จัดเก็บเพราะถ้าทำไปเรื่อยๆก็ต้องสร้าง folder ไปเรื่อยๆ ด้วย และไม่รู้อีกว่าไฟล์ไหนแก้หรือไม่แก้ เพราะเก็บทั้ง folder เลย
ต่อมาเลยเริ่มมีการ patch โดยบอกว่าบรรทัดไหนเข้าหรือออก แต่ปัญหาของการ patch คือ มันเก็บว่าอะไรอยู่อะไรหาย แต่ถ้าไฟล์ patch หายไปก็จะทำให้การไล่ลำดับผิดได้เลย
ก็เลยเกิดการจัดเก็บ patch ลงใน database เรียกว่า local version control system แต่ปัญหานี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องการทับกันของไฟล์เช่น A และ B เอาไฟล์ index.php ไปแก้แล้วทำการ checkin ไฟล์กลับเข้า database แล้วแต่ A ทำก่อนแล้ว B ทำทีหลัง code ของ A ก็หายจึงต้องมีการ lock database เมื่อมีคนทำการ checkout ไฟล์ออก
ต่อมาเลยมี Centralization version control system (CVCS) คือมีการให้ merge ก่อนถ้ามันทับกันก็ให้ผู้ใช้ตัดสินใจว่าเอา code ส่วนไหนเข้า อันนี้คุ้นๆแล้วใช่ไหม แต่มันยังไม่ใช่ git นะครับ ต่อมามีปัญหาเกี่ยวกับว่า เวลาเครื่องที่เป็น CVSC ถ้ามันพังหรือ database ล่มเท่ากับทุกอย่างจบ เลยเกิดการ Decentralization version control system ขึ้นมาเกิดปัญหาต่อ
โดยการมันคือการเก็บ version ของไฟล์ลงในเครื่องที่ checkout ไปด้วยเพื่อว่าถ้าตัวกลางตายก็จะได้มีอยู่ในเครื่องของลูกข่ายด้วย เนี้ยแหละครับการทำงานของ git จริงๆ
วันนี้ก็เรียนไปเท่านี้ครับ พรุ่งนี้ทาง Line จะประกาศผลการสมัครงานของผมแล้วก็ขอให้เป็นข่าวดีแล้วกันครับ บทความนี้สวัสดีครับ
ถ้าคุณชอบบทความในเว็บนี้ และอยากสนับสนุนเรา เพียงแค่คุณสมัครรับข่าวสารด้านล่างจะได้รับสิทธิ์พิเศษก่อนใคร เราสัญญาว่าจะส่งบทความที่เป็นประโยชน์ต่อคุณอย่างแน่นอนครับ