ที่มาเขียนสรุปเพราะคิดว่าถ้าทวีตออกไปก็เท่านั้น เดี๋ยวมันก็หายไป พอๆกับโพสใน Facebook แหละเลยคิดว่าควรจะเขียนไว้ เพราะจากที่อ่านมานั้นทำให้รู้สึกว่าหลายๆคน คงเป็นแบบผมและคุณคริสเองนั้นก็เข้าใจและมองเห็นปัญหาจึงเขียนหนังสือออกมา ผมอ่านแล้วถึงจะเป็นหนังสือเก่า ( เพราะผมไปค้นในตู้เก็บหนังสืือทีทำงานจึงได้รู้ว่ามีหนังสือเจ๋งๆเยอะมากอ่านทั้งปีก็ไม่หมดหรอกสำหรับผมนะ ) ชอบที่จะอ่านอะไรฆ่าเวลาที่มันไม่เครียดมาก จึงเจอเล่มนี้ “ฝรั่งเข้าใจ คนไทยเก็ท” เมื่อผมอ่านแล้วรู้สึกดี ตอนกำลังอ่านนั้นอยากจะไปคุยกับฝรั่ง ณ ตอนนั้นเลยทีเดียว แล้วจะมีกี่ part ผมก็ตอบไม่ได้เพราะว่าผมอ่านหนังสือในรถไฟฟ้า ก็จะสรุปต่อวันให้คุณๆท่านๆอ่านกันแหละครับจะกี่ part ก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะๆๆๆๆ
การใช้ชีวิตของคริสในหนังสือฝรั่งเข้าใจ คนไทยเก็ท
ในบทแรกๆนั้นคริสได้เล่าเกี่ยวกับตัวของเขาในสมัยตอนเป็นเด็ก เรื่อยมาจนถึงตอนโต คนไทยส่วนใหญ่ชอบความสำเร็จครับ เราทุกคนก็ชอบความสำเร็จแต่ ! คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดจะไปดู ว่าเขา เคยเจออะไรมาบ้าง ตัวคริสนั้นเรียกได้ว่าได้อยู่จุดที่หลายคนอยากได้หรืออยู่จุดที่หลายคนก็ ไม่อยากเป็นเหมือนกัน หนังสือ ฝรั่งเข้าใจ คนไทยเก็ท จะเล่าเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้และข้อต่างๆที่หลายคนเข้าใจผิดเพื่อปรับ mindset ใหม่ครับ
ดีที่ตัวคริสเองนั้นมีท่านพ่อเป็นฝรั่งที่พอเข้าใจลูก จึงให้ คำแนะนำ มากกว่าพ่อแม่สมัยนี้ที่ชอบ ชี้นำ ลูก ข้อคิดที่น่าทึ่งคือคริสเองเป็นคนที่ชอบอยู่สังคมตั้งแต่เด็ก อยากไปเรียน อยากรู้จักคนใหม่ๆ ซึ่งตอนเด็กๆหลายคนรวมทั้งผมเอง อยากอยู่บ้านมากกว่า ได้เรียนรู้ว่าเราควรจะเลี้ยงลูกอย่างไร และสังเกตุลูกอย่างไรด้วย
4 อุปสรรคสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคนไทย
คุณคริสได้เขียนแยกออกเป็น 4 เหตุผลใหญ่ที่เป็นดุจดั่งกำแพงที่เราคนไทยควรจะข้ามมัน ซึ่งมีดังนี้คือ
- การศึกษาตอนเด็กๆนั้นเป็นแบบ One way communication การสื่อสารทางเดียว
- ความกลัว ( เป็นสิ่งที่คนไทยสร้างขึ้น )
- คิดมากโครตๆ
- ความเครียด
อ่ะเรามาดูกันเป็นข้อๆแล้วกันว่าแต่ละข้อมีอะไรที่เราควรจะเข้าใจมันและเรียนรู้มัน
1 การสื่อสารทางเดียว
อย่างที่เราๆท่านๆทราบดีครับการศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศเรานั้น เน้นท่องจำ ไม่ได้รู้เลยว่าท่องไปทำมะเขืออะไร รู้อย่างเดียวคือ อาจจะไม่โดนลงโทษแค่นั้นจริงๆ ตอนผมเด็กๆผมก็ต้องเอาตัวรอดก็ท่องๆไปงั้นไม่ได้มีความอยากรู้ อาจารย์ไม่เคยให้คุยกับฝรั่ง และอาจารย์ฝรั่งที่มาสอนก็ไม่ได้ตั้งใจอะไรมากมาย จริงๆแล้วควรจะให้เด็กลุกขึ้นมาคิดคำถามคำตอบเองแต่ก็อีกแหละ สังคมคนไทยนั้นไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมไม่โทษใคร โทษตัวผมเองตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจด้วย การศึกษาที่ดีของการสื่อสารนั้นควรจะมีการ ตอบโต้กันไปมา ถ้าคุณคุยคนเดียวมันจะสนุกอะไร หรือจะให้คุยภาษาอังกฤษกับกำแพง คงไม่ใช่มั้ง ( -_-”) ฉะนั้นถ้าโรงเรียนไม่สอนคุณเป็นพ่อแม่ เพื่อนก็จงพร้อมจะเรียนรู้มันซะ ( ตอนที่ผมกำลังพิมพ์ให้ท่านอ่านอยู่ ณ ขณะนี้ผมคิดว่าจะนัดเพื่อนสนิทมี 1 วันที่เราจะคุยกับภาษาอังกฤษ ) เมื่อไม่ได้ฝึกฝนก็จบกัน
2 ความกลัว
คนไทยเราส่วนใหญ่จะ ขี้อายและโครต ! จะกลัวเสียหน้าเลย ประมาณว่าถ้าจะต้องเสียหน้ากูยอมทำอย่างอื่นดีกว่า ประมาณนั้นเลย ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่มากสำหรับคนไทย เพราะว่าเมื่อเราไม่กล้าที่จะเริ่มพูดแล้วเมื่อไหร่จะได้พูดอ่ะครับท่าน กลัวไปหมด กลัวฝรั่งมันไม่เข้าใจ กลัวหน้าแหก กลัวเพื่อนล้อ กลัว ๆๆๆ ….. ฯลฯ หยุด !! คิดแล้วตรงไปคุยได้แหละครับ ผมว่าในชีวิตคุณๆท่านๆที่กำลังอ่านอยู่นั้นต้องเจอฝรั่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ ไม่มากก็น้อย เขาก็พยายามสื่อให้สุดที่สุด อย่างที่ผมเจอวันก่อนที่รถไฟฟ้า มีฝรั่งสองคนเข้ามาถามว่า
“This one … Siam?”
ด้วยคำแค่นี้ถ้าคุณเคยเรียนมาบ้างอย่างน้อยก็พอเข้าใจในภาษามือและคุณอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า คงเดาไม่ยากหรอกครับ
ใช่แล้ว ! ฝรั่งจะถามว่า ที่นี่สถานีสยามใช่ไหม ?
ใช่กับผีอ่ะดิ ไม่ใช่ !! เขาจะถามว่าไอ้รถไฟขบวนนี้มันจะไปถึงสถานีสยามหรือเปล่านั่นเอง ^o^ / เราุทุกคนก็ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวก่อนครับ เราถึงจะได้รู้ว่า อ๋อ อย่างนี้ฉันพูดผิด อ๋อมันต้องออกเสียงอย่างนี้นะ ฝรั่งมันไม่กัดหรอกครับ เขาก็อยากช่วยแก้ไข เหมือนเวลาถ้ามีฝรั่งมันพยายามพูดไทยกับคุณ นั่นแหละอารมณ์เดียวกันไม่มีคนไหนมานั่งว่า ว่าคุณโง่ หรอกครับถ้าคุณพร้อมจะเปิดโลกทัศน์ของคุณ ^^
3 คิดมากโครตๆ
เราทุกคนเหมือนจะพูดอังกฤษกับฝรั่งเรากลับคิดมาก กลัวมันไม่ถูกหลัก กลัววางตำแหน่ง verb ผิดที่ แล้วคิดว่ามันต้องถูกแบบตรงเป๊ะ ซึ่งผมถามคุณหน่อยว่าคุณๆที่พูดภาษาไทยกันทุกวันนี้นั้น คุณคิดว่าคุณพูดถูกหลักหรือเปล่า ? ก็นั่นอ่ะดิคงไม่ได้มานั่งคิดหรอกนะว่าจะพูดอะไร ก่อนหลังอย่างไร เพียงแต่เพื่อนหรือคนที่คุณกำลังสื่อสารแล้วเข้าใจก็พอแต่ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องแคร์เลย เพียงแต่อย่าคิดมาก อย่ากังวล มันทำให้เราพูดไม่ออก เพราะมัวแต่คิดเรื่องความถูกต้องอยู่นั่นแหละ
4 ความเครียด
เมื่อคุณเครียดในการเรียนรู้ภาษา คุณก็จะรู้สึกว่ามันยาก มันท้อแท้ ทำไมเรียนไม่รู้เรื่อง จนคุณลืมไปว่าเราแค่จะสื่อสารให้คนเข้าใจ อย่าไปเครียดกับมันครับ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ยังดีได้ฝึกฝน ถ้าคุณรู้สึกว่ามันเครียดเมื่อไหร่คุณก็จะไม่เต็มร้อยกับมัน คนเราถ้ามันสนุกมันทำได้เรื่อยๆครับ มีความสนุกมีความอยากจะเรียนรู้ ออกไปเดินเล่น นึกคำพูดแล้วพูดออกมาดู คุณจะได้รู้ว่าคุณก็ทำได้ เพียงแค่เริ่มต้นครับ
สรุป
จริงๆอย่าลืมว่าที่เราพยายามเรียนภาษาอังกฤษทุกวันนี้ เราไม่ได้เอามันไปสอบครับ เราใช้มันแค่สื่อสารให้อีกคนเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการครับ อย่าคิดว่ามันยาก อย่าไปกลัวมัน จะถูกหรือผิดนั้น ก็คือการที่เราได้ฝึกฝนตัวเรา อย่ากลัวที่จะต้องพบกับการเีรียนรู้ หรือความล้มเหลว สื่อสารให้ได้อย่างที่คุณพยายามผลตอบแทนอยู่ปลายทางข้างหน้าแน่ๆครับสุดท้ายนี้ผมขอยืมคำในหนังสือมาแล้วกัน
The wrong answer is better than no answer., You learn best from your experiences and mistakes and Practice makes perfect.
คำตอบที่ผิด ก็ยังดีว่าไม่มีคำตอบ คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และข้อผิดพลาดของคุณเอง ฝึกฝนมันเพื่อทำให้มันสมบูรณ์คุณสามารถอ่านต่อ part 2 ได้ที่นี่ครับ
https://oxygenyoyo.com/general/concept-english-for-thai-people-part2/
ใครอยากซื้อสามารถซื้อได้ทางนี้เลยครับ