ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Freelance … ยังไง อีกครั้งหลังจากไม่ได้ไปนาน ด้วยหัวข้อน่าสนใจและคนมาพูดก็น่าสนใจเช่นกัน จึงได้ไปร่วมงานและนำมาแบ่งปันผู้อ่านในบทความนี้ครับ โดยเรื่องลิขสิทธิ์บ้านเราเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่หลายคนไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดเยอะมากๆ ผมจะพยายามย่อยให้เสพง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้นะครับ เอาล่ะไปอ่านกันเลย
รายละเอียดของงาน
ไม่ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์รุ่
HUBBA ขออาสาช่วยให้ทุกคนเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ให้มากขึ้น ร่วมด้วยแขกรับชวนสุดพิเศษ ที่จะมาแชร์ข้อมูลอันเป็นปร
เชื่อเถอะว่า…รู้จัก ‘ลิขสิทธิ์’ ดี และใช้ถูกต้องเมื่อไหร่ ก็สบายใจไปอีกสามชาติ (สบายใจอะไรเบอร์นี้) !
แล้วมาเจอกันวันพุธที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เวลา 18.30 ที่ HUBBA เอกมัย ซอย 4
กำหนดการ
18.30 – 19.00 : ลงทะเบียน
19.00 – 20.00 : เริ่มการนำเสนอในหัวข้อ ลิขสิทธิ์กับชาวฟรีแลนซ์
20.00 – 20.30 : เปิดเวที ถาม-ตอบ ไขข้อข้องใจ (ใครใคร่แชร์ประสบการณ์เรื่
20.30 เป็นต้นไป : ช่วง Networking พูดคุยทำความรู้จักกับผู้เข
ค่าร่วมงาน 250 บาท (มีเครื่องดื่มและขนมให้สัง
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เวลา 18.30 ที่ HUBBA เอกมัย ซอย 4
งานนี้จัดขึ้นเกือบจะทุกเดือนถ้าจำไม่ผิดนะครับ และมีหัวข้อน่าสนใจเรื่อยๆอย่างผมเคยเขียนเกี่ยวกับงานนี้ไปแล้วสามารถอ่านได้จากตรงนี้เลยครับ
- [Event] ฟรีแลนซ์ … ยังไง? ตอน Build Personal Branding And Connection
- [Event] ฟรีแลนซ์ ยังไง? ตอนเครื่องมือช่วยชีวิต
โดยมีค่าเข้างานอยู่ที่ประมาณ 200 – 300 บาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่ก็มาเป็นค่าอาหารในงานและเครื่องดื่มต่างๆอ่ะครับ สำหรับหลายๆคนที่ยังไม่ทราบลองติดตามได้จาก Hubba ได้เลยครับ
เริ่มงานและแนะนำตัว
กลายเป็นวิธีกรรมไปแล้วสำหรับงานที่ Hubba ซึ่งทุกคนที่มาต้องแนะนำตัวกัน ผมชอบมากเพราะเราจะได้รู้จักคนใหม่ๆ และอาชีพที่แตกต่างกันในบางครั้ง นำมาให้รู้จักกันได้ โดยยังคงมีหน้าเก่าอย่างผมและน้องๆอีกคนสองคนสำหรับขาประจำ ซึ่งก็คิดว่าเป็นงานกลับมา meeting กันด้วย โดย speaker ที่ไม่ได้เขียนลงใน Event ก็เป็นอะไรที่แปลกใจหน่อยๆ สำหรับตอนแนะนำตัวคือ พี่ปิ๊ก เอาจริงๆคนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในนามบิ๊กบอสของเพจ กรมทรัพย์สินทางปัญญา นั่นเองที่คนชอบเขียน summon บอส มานั่นแหละกับประโยคเด็ดที่เป็นวลีฮิตคือ ไม่น่ารักเลย
เราจะรู้อะไรสำหรับงานครั้งนี้
- ทรัพย์สินทางปัญญาคืออะไร แล้วมีอะไรบ้าง
- ทำให้มันถูกต้องอย่างไร
- การคุ้มครอง
ทรัพย์สินทางปัญญาคือ ?
ผลงานความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่รัฐรับรองสิทธิ์ให้มีค่าและนำไปใช้ประโยชน์ในทางพาณิชย์ได้ โดยจะเป็นพวกบริการของเครื่องมือก็นับพวกด้วยโดยมี 3 อย่างที่เกี่ยวข้องดังนี้คือ
- สิทธิบัตร
- ลิขสิทธิ์
- เครื่องหมายการค้า
การเขียนโค้ดตีเป็นวรรณกรรม ต่อไปขอเรียก ทรัพย์สินทางปัญญาว่า IP ( Intellectual Property ) เดี๋ยวเราไปดูแต่ละตัวว่ามันคืออะไร
สิทธิบัตร ( Patent )
มันคือบัตรที่แสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งนั้นๆ ที่เราคิดค้นประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งเจ้าบัตรนี้จะบอกว่าเรามี สิทธิในงานประดิษฐ์ของเรานานเท่าไร อะไร อย่างไร โดยมีอายุ 10 ปีและไม่สามารถต่ออายุได้ และมันจะกลายมาเป็นอนุสิทธิบัตรในภายหลัง และที่สำคัญคือมันฟ้องย้อนหลังได้ด้วย ถ้าหากคุณคิดอะไรแล้วมีคนมาทำสิ่งที่คุณจด ณ ช่วงเวลาที่เขากำลังจดนั้นคุณสามารถฟ้องย้อนหลังได้ เพราะการจดสิทธิบัตรนั้นค่อนข้างนาน
ยกตัวอย่างเช่น ตอน apple ผลิต mac book air ที่มันบางมากๆ จะสังเกตุว่า ตอนนั้นไม่มีเจ้าไหนทำบางเท่าเลย จน สิทธิบัตรหมดอายุ ค่ายอื่นๆจึงออกรุ่นบางๆออกมาให้เห็น ซึ่ง apple ก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำสำหรับช่วงที่เราเป็น เจ้าของสิทธิบัตรเรื่องความบางออกการแบบ อันนี้ผมยกตัวอย่างนะครับ ของจริงมันอาจจะจดยาวและรายละเอียดเยอะกว่านี้
โดยเจ้า สิทธิบัตรก็แบ่งออกเป็น 3 ประเภทนะครับดังนี้
- สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ( Patent )
- สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ( Design Patent ) คิดว่าตัวอย่าง apple คงจดอันนี้
- อนุสิทธิบัตร ( Pretty Patent )
โดยหลักๆเนื้อหาสำคัญที่เราต้องรู้คือ เจ้าสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ เนี้ยไม่จำเป็นต้องทำได้จริง ส่วนที่เหลือสองอันต้องทำได้จริง สมมติว่าในวันหนึ่งที่ job ยังไม่ได้ออกแบบ iphone แต่คุณเกิดนึกออกว่าโทรศัพท์โลกอนาคตมันหน้าตาแบบนี้มีปุ่มเดียว แล้วดันบังเอิญไปตรงกับ iphone ของ job คุณก็อาจจะรวยไม่รู้เรื่องเลยทำนองนั้น คุยกันว่า มีหลายคนก็นึกอะไรออกก็ไปจดด้วย ว่าอันอีกสองตัวที่เหลือ
มันจะมีข้อกำหนดอยู่เป็นเงื่อนไขในการตัดสินว่าเราจะจดสิทธิบัตรกับการเป็นอนุสิทธิบัตรได้อย่างไรด้วย โดยเริ่มจาก สิทธิบัตรการประดิษฐ์ก่อนมีเงื่อนไขดังนี้
- เป็นการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่
- เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น อันนี้ผมเข้าใจว่าเป็นการต่อยอดจากของเดิม ที่เป็นอนุสิทธิบัตรหมดอายุไปแล้ว
- เป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกต์ในทางอุตสาหกรรม
ส่วนของอนุสิทธิบัตรจะไม่มีข้อสองนอกจากนี้มีสิ่งที่ไม่สามารถจดพวกสิทธิบัตรได้อีกด้วยโดยมีดังนี้
- จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช
- กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
- ระบบข้อมูลสำหรับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
- การวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์หรือสัตว์
- การประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี อนามัยหรือสวัสดิภาพของประชาชน
เครื่องหมายทางการค้า ( Trademark )
หมายถึงรูปภาพ ข้อความ กลุ่มสี เป็นไปได้หมด ไทยเพิ่งจะรับจดพวกเสียง เช่น เสียงรถไอติมวอลล์ เสียง nokia แต่ไทยยังไม่มีรับจดกลิ่ม เมืองนอกมี เพราะบางแบรนด์จะใช้พวกกลิ่นน้ำหอมแบบนี้สำหรับร้านตัวเอง เดินเข้าห้างจะรู้ทันที
โดยจะแบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้
- เครื่องหมายการค้า อันนี้คือ เครื่องหมายกับตัวสินค้า
- เครื่องหมายบริการ อันนี้คือ เครื่องหมายกับพวกบริการ
- เครื่องหมายรับรอง พวกเชลล์ชวนชิม อย.
- เครื่องหมายร่วม อันนี้คือรวมทั้งสินค้าบริการที่มีหลายๆบริษัทแต่อยู่กลุ่มเดียวกัน เช่น SCG , PTT
เวลาเราจะจดเครื่องหมายทางการค้าแล้วไม่ผ่านมีเหตุผลหลักๆสามอย่างนี้ ถ้าใครจะจดก็ลองพิจารณาดูด้วย พวก Logo จะซ้ำเยอะมาก
- ไปคล้ายกับสิ่งที่คนรู้จักอยู่แล้วพวกแบรนด์ดังๆเช่น KFC, Starbuck
- คำกว้างเกินไป เช่น พวกเครื่องสำอางค์จะใช้คำว่า white , pink , สวย, นางฟ้า พวกนี้คำมันกว้างเกินไป
- เป็นชื่อที่ไม่รับจดอยู่แล้วเช่น ชื่อประเทศ สถานที่ต่างๆ สัญลักษณ์ต่างๆที่เป็นสากลเช่น ธงชาติ
ยังมีพวกต้องห้ามเลย ห้ามออกแบบเกี่ยวข้องกับสิ่งพวกนี้เลยคือ
- ตราสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นของแผ่นดินหรือพระมหากษัตริย์
- ธงชาติทุกประเทศ
- พระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย พระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระมหากษัตริย์
- เครื่องหมายราชการต่างๆ และของทางประเทศด้วย
- เครื่องพวกขัดต่อความสงบเรียบและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือขัดต่อรัฐ เช่น ถ้าเอารูปของที่คนศรัทธา ไปทำรูป Logo
- เครื่องหมายที่เหมือนพวกแบรนด์ดังๆ
- สิ่งที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย เช่น มะขามหวานเพชรบูรณ์
- เครื่องหมายที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดขึ้น
โดยไม่จดเครื่องหมายทางการค้าผิดไหม ? ไม่ผิดแต่เวลาใครเอาเครื่องหมายทางการค้าของคุณไปใช้คุณก็เรียกร้องอะไรไม่ได้เลย และเลวร้ายไปกว่านั้นคือ ถ้าหากใครซักคนเอาเครื่องหมายทางการค้าของคุณไปจดทะเบียนก่อนคุณ เขาสามารถเอามาฟ้องร้องคุณว่าไปละเมิดเขาอีกด้วย นี่คือความเลวร้ายมากๆ สำหรับคนหัวหมอ เพราะทางคุณปิ๊กเล่าว่า เราน่าจะเคยได้ยินว่าทางภาครัฐจัดงานเอาพวก SME ไปจัดแสดงที่ต่างประเทศ โดยบางคนไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้าไว้ก่อน แล้วพอเราไปจัดแสดง บางครั้งจะมีกลุ่มคนมาดูงานและ copy ไปจดทะเบียนก็มีมาแล้ว โดยการจดทะเบียนแบบนั้นแปลว่าเราจะขายของที่ประเทศนั้นไม่ได้เพราะถือว่าเขาจดทะเบียนก่อนเรา
ซึ่งแต่ก่อนนั้นเวลาเราจะจดทะเบียนเครื่องหมายพวกนี้เราต้องไปจดที่ประเทศนั้นๆ แต่ปัจจุบันสามารถจดที่ไทยได้เลย แต่ก่อนถ้าคุณจะไปขายของที่จีนคุณก็ต้องไปจดที่จีนด้วย อย่างนี้ครับมาเล่าอีกตัวอย่างที่น่าสนใจกัน
สามารถต่ออายุเครื่องหมายทางการค้าได้ทุก 10 ปีนะครับ มาดูวิธีการจดทะเบียนว่าทำอย่างไรกันครับ
- เตรียมรูปเครื่องหมายการค้า
- ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า ว่าเหมือนหรือคล้ายกับข้อกำหนดที่ผมบอกไหม
- เตรียมเอกสารจดทะเบียน คำขอจดทะเบียน ก. 01 หาได้จาก link นี้เลยครับ http://www.ipthailand.go.th/th/trademark-007.html
- ยื่นคำขอจดทะเบียน
- ชำระค่าธรรมเนียม
- รอรับหนังสือสำคัญ
ไปจดได้ที่ไหนบ้าง ดังนี้
- ศูนย์จดทะเบียน ทรัพย์สินทางปัญญา ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา
- สำนักงาน พาณิชย์จังหวัด
- ยื่นคำขอทาง อินเตอร์เน็ต
- ยื่นคำขอ ทางไปรษณีย์ จ่ายหน้าซองว่า ถึงผู้อำนวยการ สำนักเครื่องหมายการค้า 563 ถนน นนทบุรี ต. บางกระสอ อ. เมือนนนทบุรี จังหวัด นนทบุรี 11000
ลิขสิทธิ์ ( copyright )
ลิขสิทธิ์ไม่ได้คุ้มครองทุกอย่าง ลิขสิทธิ์ ไม่ต้องจดทะเบียน มันคุ้มครองตั้งแต่มันกำเนิดมาเลย โดยเราจะแบ่งว่าอันไหนเป็นลิขสิทธิ์ได้โดย 9 แบบนี้
- งานวรรณกรรม หนังสือ จุลสาร สิ่งพิมพ์ คำปราศรัย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
- งานนาฏกรรม ท่ารำ ท่าเต้น
- งานศิลปกรรม จิตกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ศิลปประยุกต์
- งานดนตรกรรม ทำนอง ทำนองและเนื้อร้อง ฯลฯ
- งานสิ่งบันทึกเสียง เทป ซีดี
- งานโสตทัศนวัสดุ VCD, DVD ที่มีภาพและทั้งภาพและเสียง
- งานภาพยนต์ งานที่ฉายในโรงหนัง หรือภาพเคลื่อนไหวที่เราอัดเอง
- งานแพร่เสียง แพร่ภาพ รายงานโทรทัศน์ วิทยุ
- งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
จะเห็นว่างานด้านเกี่ยวกับภาพเสียง เนี้ยเยอะมาก การเขียน code ก็มีลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นด้วยเหมือนกัน
ลิขสิทธิ์เป็นของใคร ?
งานลิขสิทธิ์เป็นของ เจ้าของเงิน เพราะฉะนั้นหากยังไม่มีการจ่ายเงินของสิ่งนั้นลิขสิทธิ์จะเป็นของเรา สมมติว่ามีคนจ้างเราวาดรูปแล้ว บอกว่าขอดูก่อนปรากฎว่าเอาตัวอย่างที่ให้ไปใช้งานจริง เราสามารถฟ้องได้ว่า ผู้จ้าง ละเมิดลิขสิทธิ์เรา เพราะเขายังไม่ได้จ่ายเงิน
แล้วการทำพวกพารอดี้ ( Parody ) มันผิดไหม ปกติแล้วประเทศอื่นๆที่เจริญแล้วไม่ค่อยเอาเรื่อง แต่ถ้าเจ้าของแบรนด์ไม่ขำ จะเอาเรื่องก็ฟ้องได้เลย ที่เขาไม่ฟ้องเพราะตัวเราอาจจะตัวเล็กไม่มีชื่อเสียง หรือ win-win ทำให้คนรู้จักแบรนด์เขามากขึ้น แต่อย่างที่บอกและเน้นย้ำ เขาจะฟ้องได้ทุกเมื่อ
กลับมาเรื่องว่าแล้วถ้าผู้ว่าจ้างเราบอกว่า เราไป copy เขาต่างหากอย่างนี้จะป้องกันได้อย่างไร มีหลายวิธีครับ อย่างแรกถ้าหากส่งตัวอย่างให้เช่นพวก รูป logo ที่ออกแบบให้ให้ส่ง email มาหาตัวเองด้วยหรือถ้าส่งเป็นของอะไรที่เป็นเอกสารให้ส่งหาตัวเองด้วย และเก็บไว้มันเป็นหลักฐานได้อย่างดี
แต่ก็คงมีคนคิดว่ามันสามารถปรับเปลี่ยนเวลาได้หรือเปล่าในคอมพิวเตอร์แต่ ศาลจะมีวิธีจับผิดอื่นๆอยู่ด้วยครับ อย่างน้อยๆถ้าเรามีหลักฐานก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งแล้วจะมีขั้นตอนในการสืบอีกแน่นอนครับ
ว่ากันอีกเรื่องคือ อายุของลิขสิทธิ์ มันจะมีอายุต่อจากเจ้าของตายอีก 50 ปี ไม่สามารถส่งต่อให้รุ่นลูกหลานได้ เพราะฉะนั้นมันจะติดไปกับตัวคุณเท่านั้น ส่วนลิขสิทธิ์ประเภทศิลปประยุกต์จะมีอายุ 25 ปี นับจากวันที่สร้างสรรค์หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะ
ถ้าโดนละเมิดลิขสิทธิ์ทำไง ?
ไปแจ้งตำรวจพร้อมหลักฐานต่อไปนี้
- หลักฐานสร้างสรรค์หรือหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น ถ้าคุณถ่ายภาพเสียงเหนือ ณ วันที่เท่าไรอย่างไร ก็เก็บไว้
- ตัวอย่างที่เป็นของแท้และของปลอม เช่น คุณถ่ายภาพแสงเหนือ ไม่มีคน แต่อีกภาพมีคน แต่ภาพเหมือนกัน
- ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้มาเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้คนอื่นมาร้องทุกข์แทน
- สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือรองรับนิติบุคคลของเจ้าลิขสิทธิ์หรือผู้รับมอบอำนาจ
จะเห็นว่าทุกอย่างเราต้องเตรียมไปเอง นั่นแหละครับประเทศไทย
มันจะมีประเด็นเรื่องบริษัทบางบริษัทให้พวกเรา Draft รูปหรือเอาลายน้ำออกจากเว็บที่ขายรูป ผมคิดว่าหลายๆคนก็น่าจะเคยเจอบาง เราจะไม่ทำก็ไม่ได้เขาไม่จ่ายเงินเดือนทำไงถูกต้องไหมครับ มีทางออกกับเหตุการณ์นี้ครับ โดยคุณต้องเก็บหลักฐานไว้ว่าบริษัทได้สั่งให้คุณทำจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น email ข้อความใดๆก็แล้วแต่ว่าเขาจ้างให้คุณทำ ถ้าคุณไม่เก็บคุณซวยสถานเดียวเลยครับ
แล้วถ้าทางบริษัทไม่ได้ระบุแล้วเราดันไปเอารูปมาทำให้ เราก็ซวยอีกเช่นกันครับ เพราะฉะนั้นต้องระวังให้ดี แจ้งให้ทางบริษัททราบหากต้องใช้ภาพต่างๆ หรือของที่มีลิขสิทธิ์ต่างๆ
งานปลอดลิขสิทธิ์มีด้วยหรือ ?
จริงๆไม่ใช่ไม่มีแต่เจ้าของลิขสิทธิ์บอกเองเลยว่า เอาไปใช้ได้เลย ซึ่งมีอยู่เยอะเหมือนกัน ตัวอย่างเว็บที่แจกรูปฟรี และรายละเอียดสูงเช่นเว็บ https://unsplash.it/ แต่ก็ต้องระวังด้วยเพราะว่าเคยมีกรณีว่า ให้ฟรี 3 เดือนแล้วหลังจากนั้นจะไม่ฟรี แปลว่าเราอาจจะใช้รูปนั้นได้แค่ 3 เดือนต้องเปลี่ยน แต่บางคนลืมก็โดนปรับกันไป เพราะฉะนั้นต้องดูรายละเอียดดีๆ บางที่ได้ใช้แค่ในเว็บฟรีแต่ถ้าเอาไปใช้ทำ Poster ไม่ฟรีอย่างนี้ก็มีครับ
ขึ้นตอนการแจ้งข้อมูลสิทธิ์
- เตรียมเอกสาร แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ลข. 01 จำนวน 2 ชุด http://www.northbkk.ac.th/Dept/ReserchOffice/pdf/l3.pdf
- เตรียมผลงานที่ต้องการแจ้งข้อมูล
- ยื่นคำขอ
- รอรับหนังสือสำคัญ
สรุป
ลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้น หลายๆคนคงมีคำถามว่าการกดแชร์ใน FB มันคือการละเมิดไหม หรือการที่เราเอาภาพมาใช้งานและงานของเราไม่ได้ขายหรือหากำไรจะผิดไหม ? ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ให้คุณอ่านตรงนี้ให้เข้าใจเลยนะครับว่า
การที่จะตัดสินผิดหรือไม่ผิด นั่นคือ “ศาล” เท่านั้นครับ ส่วนการที่เราเอาของที่มีลิขสิทธิ์มาใช้นั้นคือการ “ละเมิดลิขสิทธิ์” เพราะฉะนั้นต้องอยู่ที่ว่าผู้ถูกละเมิดจะเอาเรื่องคุณหรือไม่ ถ้าเขาเอาเรื่องคุณถึงศาล ศาลจะบอกคุณเองว่าผิดหรือไม่ผิด แต่การที่คุณเอาของที่ละเมิดคุณรู้อยู่แก่ใจแน่นอนว่ามันผิด(ทางใจ) ไปแล้ว เพราะบางครั้งมันเป็นเหตุการณ์แบบ win-win ทางเจ้าของจึงไม่ฟ้องคุณ
ทางที่ดีที่สุดคือ การติดต่อไปหาเจ้าของลิขสิทธิ์และขอหรือซื้อหรือตกลงกันว่าจะเอาไปใช้งานอะไรอย่างไร และเขาคิดจะขายให้หรือไม่ นะครับ
สำหรับงานๆดีอย่างนี้คราวหน้าก็อย่าพลาดนะครับ อย่าลืมไปกดติดตาม เพจที่แนะนำกันไป และอย่าลืมติดตาม Blog นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครังหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่กำลังพัฒนาสิ่งดีๆให้กับโลกเราแล้วอย่าลืมไปจดทะเบียนต่างๆให้ครบนะครับ ใครมีคำถามอะไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ลอง comment ไว้ได้นะครับผมจะเอาไปถามทางคุณปิ๊กอีกทีว่า แบบนี้แบบนั้นมันผิดหรือละเมิดอย่างไร