คือเพิ่งได้ดูกังฟูแพนด้า 3 เพราะมีคนแชร์ผ่านตามาแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ดูเลย พอได้ดูตลอดทั้งเรื่องได้ข้อคิดเยอะมากจนอยากจะเขียนเก็บไว้เตือนตัวเอง อาจจะมีเนื้อหาเปิดเผย [ spoil ] ใครยังไม่ได้ดูก็ไปดูก่อนนะแล้วค่อยมาอ่านจะดีกว่าไม่อยากทำให้เสียอรรถรสในการชมหนัง
กังฟูแพนด้า สิ่งที่เราตามหา และเราไม่เคยเข้าใจมัน
ในต้นเรื่องนั้นโป ที่หลายๆคนอยากจะเป็นนักรบมังกรเหมือนกับเขา แต่ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่านักรบมังกรที่ทุกคนกล่าวขานถึงคืออะไร หากมองในมุมของมนุษย์เราเองแล้ว คือ เราขาดเป้าหมาย เราไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น ณ ตอนนั้นๆของชีวิต เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ ลอยไปตามแรงน้ำหรือคำที่ทุกคนอยากให้เราเป็น หรือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังจากตัวเองให้เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง
ทั้งๆที่ในใจของตัวเองเรายังคงมีคำถามถามตัวเองอยู่ตลอดว่า เราทำอะไรอยู่ ? ทำไมเราไม่เก่งอย่างนั้น ? โดยในเนื้อหาโปยังคงไม่เข้าใจคำสอนและสิ่งที่ชิฟูพยายามจะบอก เหมือนการสอนที่เขาบอกแนะแนวมาแล้วแต่เรา ณ ตอนนั้นไม่เข้าใจมันจริงๆ และไม่พยายามจะเข้าใจมันด้วย เอาจริงๆ เราไล่ตามสิ่งที่เราอยากเป็นมาตลอดจนเราไม่ได้สังเกตุตัวเองเลย ตัวโปเองก็อยากรู้ว่าสรุปตัวเองควรจะเป็นแพนด้าใช่ไหม หรือเป็นลูกของเป็ด หรือเป็นนักรบมังกร
ทุกคนทำผิดพลาดได้เสมอ การทำอะไรใหม่ๆก็สำคัญ
เลิกสอนหรือว่าเลิกขายหน้าล่ะ ?
สำหรับผมเองแล้วมันพีคมากๆ ตั้งแต่ช่วงชิฟูให้โปเป็นอาจารย์และคำสอนที่มาจากอูเกวให้แก่ชิฟูและส่งต่อให้แก่โปนั้นมีหลายๆประโยคที่ชอบนะ เช่น ตอนที่โปซึมไปแล้วเจอชิฟูมาบอกว่า “เป็นไงบ้างสอนวันแรก” โปก็ได้แต่น้อยใจว่าทำได้ไม่ดีแต่ประเด็นคือ โปได้ทำครั้งแรกแล้วคาดหวังว่าตัวเองจะทำได้ดีเลยมันเป็นไปไม่ได้ ตัวหนังเองก็แอบบอกเป็นนัยๆให้เรารู้ว่าโปคือ ผู้ถูกเลือกหรืออาจจะเรียกว่ามีพรสวรรค์ให้เราดูหนังแล้วคาดหวังว่า มันต้องเทพทำได้แน่ๆ ซึ่งตัวหนังสอนตรงนี้ได้ดีจริงๆว่า ไม่มีใครทำครั้งแรกดีหรอก แต่ประโยคถัดมาจากตรงนี้ผมก็ชอบอีกตรงที่ว่า
โปบอกว่า จะไม่ทำแล้วเพราะทำแล้วห่วยคนมาดูถูกเยอะและเขาเองก็ทำมันพังเราจะเลิกทำมันแล้ว ชิฟูถามว่า เลิกสอนหรือว่าเลิกขายหน้าล่ะ ? มองประโยคนี้ผ่านๆถ้าเป็นเด็กมหาลัยผมจะรู้สึกเฉยๆไม่ได้อินอะไร แต่ๆตอนนี้แก่ไงเลยคิดไกลกว่านั้นตรงที่ว่า คนอย่างชิฟูคือคนที่ควรเป็นหัวหน้าเรา หรือคนสอนเพราะเขารู้แล้วว่ามีการทำผิดและการถามแบบนี้คือการให้เราคิดว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้ฝึกฝนหรือทดลองซ้ำๆเลย ทำไมเราต้องยึดติดว่าเราจะทำได้ดีตลอดไป ผมไม่แน่ใจว่า เด็กๆสมัยนี้ยังมีพ่อแม่ที่คาดหวังให้เราต้องทำได้ดีในครั้งแรกกับทุกๆเรื่องในชีวิตหรือเปล่า แต่อยากให้รู้ว่ามนุษย์เราคือ สิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราเลือกจะทำให้มันค่อยๆสมบูรณ์แบบได้จากการฝึกฝนและเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำพลาดไป
ประโยคอีกอันที่ชอบเลยคือ
if you only do what you can do, you will never be more than you are now.
ถ้าทำแต่สิ่งที่ตัวเองทำได้ เราจะไม่สามารถทำได้ดีกว่าตัวเราเองตอนนี้ ผมถือว่าโอกาสมันก็สำคัญนะในชีวิต ถ้าเรามีคนให้ทดลองว่าเราชอบไม่ชอบมัน เราจะสามารถเติบโตได้อีกเมื่อเราได้รับประสบการณ์แปลกใหม่เข้ามาในชีวิต เราอาจจะไม่ได้รู้จักคนใหม่ๆ เราอาจจะไม่ได้ทำอาชีพใหม่ๆเลย ถ้าหากเราทำอะไรเหมือนๆเดิม เพราะฉะนั้นออกไปดูโลกกว้างใหญ่นี่ซะแล้วเราจะเป็นอะไรที่ดีกว่าตัวเราเองเป็นตอนนี้
ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ความถนัดของตัวเอง
ในเรื่องสัตว์แต่ละตัวไม่เหมือนกัน นั่นแปลว่าถ้าเราเป็นลิง เราอาจจะว่ายน้ำช้ากว่าปลา หรือเราอาจจะกินช้ากว่าแพนด้า แต่เราก็ปีนต้นไม้เร็วกว่าคนอื่นเช่นกัน ถ้าทุกคนเป็นนักรบมังกรหมด ใครจะเป็นคนทำอาหารล่ะ ? ไม่มีแรงจะสู้ได้อย่างไร ? อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะเขารวยกว่า เพราะเขามีโอกาสมากกว่า เพราะเขาหล่อกว่า อยากให้กลับมามองตัวเองดูจริงๆจังๆว่าเราทำได้อะไรได้ดีในแบบของเรา ไม่ต้องไปเปรียบเทียบคนอื่น เพราะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีแล้วยังทำให้เราไม่อยากจะทำอะไรต่ออีกด้วย
ในตอนที่โปสับสนและคำพูดของพ่อแพนด้าทำให้โปนึกออกว่า คำสอนของชิฟูตอนต้นเรื่องนั้น พยายามจะสอนอะไร โปเข้าใจตัวเองว่า ตัวเองคือใคร และทุกคนในหมู่บ้านคือใคร เราทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และเราทุกคนสามารถเอาความถนัดมาเป็นประโยชน์ได้ เพียงแต่เราต้องคิดให้ออกว่าเอาไปประยุกต์ในด้านไหน จุดนี้เรานับถือคนเขียนบทนะ เพราะว่าหมู่บ้านแพนด้าจะให้ทุกคนที่ไม่ได้เป็นนักสู้มาสู้มันก็ไม่ใช่เรื่อง แต่ให้ทุกคนทำสิ่งที่ตัวเองถนัดและนำมาเป็นอาวุทหรือทักษะในการต่อสู้เนื้ยเราว่า ณ จุดนั้นโปได้เข้าใจการเป็น หัวหน้าทีม ( Leader ) ไม่ใช่หัวหน้า ( Boss ) อย่างแท้จริง
ขึ้นได้ต้องลงเป็น
ฉากที่อาจารย์ชิฟูขอให้โปสอนนั้น เอาจริงๆในสังคมไทยหาโครตยากกกกกกกกกกกกกกกก การที่ผู้อาวุโสขอร้องให้เราชี้แนะนั้นเป็นเรื่องโครตประหลาด แต่คนเรามันจะมีจุดสูงสุดของชีวิต หากเราเรียนรู้ที่จะไต่ไปถึงจุดนั้น เราจะต้องลงให้เป็นด้วย มันไม่ได้มีความน่าละอายอะไรเลย จริงๆในสายตาเรานะ แต่บริบทสังคมบ้านเรามันไม่ใช่ สิ่งที่เราเรียนรู้จากหนังเต็มคือ จุดที่ชิฟูกล้าพูดออกมาแม้มันจะมีความเขินแต่ก็ยังกล้าพูดออกมาจากใจจริงๆ
อีกฉากเลยที่ชอบในหัวข้อแบบนี้คือ ตอนที่สองพ่อของโปมาเล่าถึงการโกหกของตัวเอง ซึ่งมันก็ยากจริงๆนั่นแหละที่คนเราจะยอมรับกันตรงๆว่า เออตูโกหกเอง ซึ่งฉากนี้ทำให้เรารู้สึกว่ามันดี ต่างคนต่างยอมรับ และเข้าใจความรู้การเป็นพ่อคนของทั้งคู่