วันนี้ไปร่วมงาน Web presso ของสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยกับหัวข้องานที่ว่า WEB TREND 2014 จะมาพูดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงปีก่อนถึงปีนี้และในปีนี้กับปีต่อไปว่าอะไรกำลังมา อะไรกำลังจะ out แล้ว แน่นอนว่ามีผู้ร่วมสนใจกันล้นห้องเลยทีเดียว
Trend ปีนี้ 2014
ผมจะเล่าเรื่องแบบไม่เป็นหัวข้อนะครับ อาจจะเป็นการสรุปจากผมเอง ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงว่าใครพูดหรืออย่างไร เพราะเข้าไม่ทัน พยายามรีบจดจึงอาจจะไม่ปะติดปะต่อเท่าไรต้องขออภัยด้วยครับ
มีการกล่าวถึงโฆษณา ชมพู่อารยาของ Samsung เกี่ยวกับความง่ายในการใช้ ไม่ใช่เรื่องว่ามือถือมันใช้อะไรได้บ้าง แต่บอกว่าถึงความง่ายของมือถือซึ่งเข้าถึงคนหมู่มากและลูกค้าทั่วไปอันนี้เป็นหนึ่งที่เป็นแรงผลักให้คนใช้มือถือ smart phone ซึ่งเป็นเรื่องที่มาแรงของปีนี้
มีการพูดถึงประเทศไทยในปีก่อนนั้นมีเรื่องไม่รองรับ กว่าเรื่อง 3G จะเสร็จกว่าระบบ Network ต่างๆจะรองรับและตัวเว็บหลายๆเว็บนั้นก็ยังคงไม่ได้ทำหน้าเว็บให้รองรับลูกค้าที่จะดูผ่านหน้าจอที่เล็กลงอีกด้วย
มาแรงสุดคงเป็นเรื่องการที่การเข้าถึง smart phone ราคาถูกทำให้พฤติกรรมเข้าชมเว็บนั้นเปลี่ยนไป เหล่าผู้พัฒนาเว็บและหลายๆเว็บคงต้องปรับตัวการใช้ Responsive website จะมาช่วยในจุดนี้ ( Responsive website คืออะไร )
การทำ content ต้องปรับข้อความการใช้คำที่สั้นกระชับกว่าเดิมและน่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้อ่านในมือถือง่ายและเร็วการใช้ font ควรจะให้อ่านง่ายที่สุด เน้นเล่าเรื่องด้วยภาพ, VDO
ก็มีการแชร์จากพี่ปองว่าการเขียน content ที่ดีของปีนี้เป็นอย่างไรดีเอาล่ะมีดูกัน
- อย่าตั้งใจขายของเด็ดขาด ให้เป็นคนเหมือนเข้าไปช่วยเหลือ ช่วยตัดสินใจว่าทำไมดี
- สั้นกระชับอย่าเกิน 2 บรรทัดหากเป็นการแชร์จากพวก feed ต่างๆให้น่าสนใจแล้วคนจะคลิกไปอ่านต่อเอง
- ขายการใช้สินค้ามากกว่าจะพูดถึงตัวสินค้า อย่า Talk to product , Talk around product
ตัวอย่างที่มีการพูดถึงคลิปที่พี่องยกตัวอย่างมา
เอ่อ … ส่วนตัวรู้สึกมันคล้ายๆ อุปกรณ์ป้องกันหมาป่วย ( ฮา )
มีการกล่าวถึงเรื่องการใช้เครื่องมือในการช่วยเหลือด้าน online และแน่นอนไม่พ้น Facebook โดยมีการบอกเทคนิคต่างๆว่าควรจะเขียนโพสอย่างไรให้ Facebook ยอมรับผมก็ก็เพิ่งรู้ว่าบางภาพนั้นมีกฎด้วย
- Facebook นั้นไม่อยากจะยัดเยียดโฆษณาซักเท่าไร และภาพที่มีข้อความ ข้อความในนั้นต้องไม่เกิน 20% หากใครไม่แน่ใจว่าภาพที่ทำมานั้นผ่านไหมมีเครื่องมือทดสอบครับ ที่นี่เลย https://www.facebook.com/ads/tools/text_overlay
- Sponsored story ทาง Facebook จะเอาออกแล้วเพราะมันจะมีปัญหาเรื่อง privacy ครับ
พี่ป้อมบอกว่า การมาของ Facebook นั้นทำให้คนในไทยเรามีการปรับตัวในการ Trade ของกันใน internet แม้ว่าบ้านเรายังคงเป็นการโอนเงินก็ตามที ซึ่งกรณีนี้คนไทยปรับตัวได้เร็ว ทีเด็ดคือมีการกล่าวถึง Page ท่อตัน ใช่ครับ แฟนเพจ ท่อตัน เหมือนจะฮานะแต่เชื่อไหมว่า มีการ search เจอได้เยอะโดยแทบไม่ต้องทำ pr เลยเพราะคำมันตรงตัวอยู่แล้ว เหมือน keyword google ซึ่งไอเดียเจ๋งมาก
พี่ปองมีการพูดถึงว่า ความสำคัญของ Feed จากที่ต่างๆกับ user facebook มีการใช้ค่าอะไรบางอย่างให้แสดงผลในหน้า feed ของแต่ละคนซึ่งตรงนี้มี 3 ตัวครับคือ แต่ผมเจอแค่อันเดียวข้อมูลที่เหลือพี่ปองบอกจะส่งให้ทุกคนที่มาสมาชิก สมาคมผู้ดูแลเว็บไทยเห็นไหมว่า ได้สิทธิ์อะไรคุ้มๆอย่างนี้ครับไม่แพงเลย แค่ปีละ 200 บาทเท่านั้นเองครับพี่น้อง อย่าช้า ! สมัครเลยจ้า http://www.webmaster.or.th/member
- ความสนิทกับ timeline ของเราอธิบายคือ การที่เราไปทำอะไรกับ feed นั้นๆ ในช่วง 50 อันล่าสุดหลังจากหลุดไปมันจะคำนวนว่าเราไปกด like/share/comment หรือเปล่า ทำนองเนี้ยครับ
พี่ป้อมพูดถึงการเติบโตด้านโฆษณากับงบที่จะเทมาครับ มี Display โฆษณาประมาณ 50% ด้าน Search martketing ก็จะเพิ่มขึ้นเพราะคนเข้ามาเล่นตลาด online และที่ตามมาเป็นเงาตามตัวเลยคือ Social media ซึ่งเราจะเริ่มเห็นพวก VDO ก่อนจะดูเนื้อหาต้องดูโฆษณาก่อน 15 วินาที
ซึ่งอย่างที่เห็นว่า VDO มาแรงและอุปกรณ์สำหรับถ่ายทำก็ไม่ได้แพงอย่างแต่ก่อนแล้ว
ส่วน SME นั้นจะหันมาทำ Facebook page ก่อนและหากมีความต้องการทำเว็บจะค่อยทำทีหลัง ขึ้นอยู่กับว่าใช้ Facebook page ทำอะไรจะเป็นด้านโปรโมทหรือซื้อขายก็ทำได้แต่ก็ไม่ได้มีเครื่องมือขนาดนั้น เพราะว่า Facebook ไม่ได้ทำมาเพื่อการซื้อขาย ก็จะค่อยไปจ้างทำเว็บอีกที
พี่ป้อมยกตัวอย่างว่าการใช้ Facebook page มาช่วยการโปรโมทอย่างไร โดยตัวอย่างจากร้านพี่ป้อมเอง เล่าว่าลูกค้าที่ walk in นั้นไม่เยอะ ส่วนใหญ่มาจากการจองโต๊ะ หากวันนี้ยอดจองโต๊ะเยอะก็แปลว่ามีกำไรเยอะ คราวนี้เรารู้แหละว่าเรา ต้องการดูยอดจองโต๊ะ หากการโฆษณา Facebook page อันไหนผล ยอดจองก็จะเยอะ และค่อยสังเกตุโดยจะโพส ศิลปินที่มาและโปรโมทโพสนั้นๆไป ซึ่งพี่ป้อมบอกว่าค่าโฆษณาไม่ได้แพงเลยหากเทียบกับการกระจายโพสไปให้หลายๆคนเห็น เป็นต้น ใครชอบเพลง jazz ก็ลองไปดูกันครับ https://www.facebook.com/smilesjazz
มีการเล่าเกี่ยวกับเรื่องการแต่ก่อน Brand และคนอยากจะโปรโมทนั้นจะจ้างพวกแฟนเพจที่มีคน like เยอะๆให้แชร์ให้หน่อยและมีการพูดถึง ซึ่งต่อมา Facebook ก็ดัดหลังให้มันไม่ค่อยจะโพสใน Timeline แต่ทางพวกเพจใหญ่ๆก็แก้เกมด้วยการกด Boot post นั้นอีกที
มีการพูดถึงเครื่องมืออื่นๆนอกจาก Facebook ด้วยครับก็เอามาแชร์กันตามนี้
- Line หากใครต้องการจะโปรโมททาง Line นั้นต้องกำเงินอย่างน้อยสุด 5 ล้านบาท ค่า sticker 3 ล้านและค่า Official Account อีก 1 ล้านกว่าบาท รวมๆคือประมาณ 5 ล้านบาทแต่ได้ผลเร็วเพราะคนจะโหลดและบล็อคประมาณ 40% จะเหลือ 60% ซึ่งถ้าเทียบกับ Facebook page นั้นต้องใช้เงินและเวลาเผลอๆจะเยอะกว่านั้นครับ และการโปรโมทเข้าถึงแน่นอน เร็วเร่งการขายได้ด้วย
- Instagram สินค้าที่ขายดีคือพวกมองเห็นได้ เช่น แฟชั่น รองเท้า แต่ไม่มีเครื่องมือในการให้คนเข้าร้านจึงทำให้เกิดพฤติกรรมว่า “ฝากร้าน” ที่เราเห็นกันบ่อยๆ
- Twitter สามารถทำ Social Listening หรือการรับฟังความคิดเห็นของ user ได้ครับแบบทันทีทันใดเลยโดยหากมี hash tag ที่บ่งบอกตัวเราอยู่แล้วหรือ account ของ brand ก็ช่วยได้ครับ
- Pantip ก็เป็นอีกที่หนึ่งในประเทศไทยที่เป็นแหล่งรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดี
- Google plus มาช่วยเรื่อง Seo ครับหากโพสหรือ url ไหนมีการกด G+ บ่อยๆจะติด search
มีหลายเครื่องมือเลยครับ ใครสนใจตัวไหนก็ลองๆเอาไปดูกันครับ
ต่อมาพูดถึงเรื่องการให้พวกธุรกิจหลายๆเจ้าที่ขายของแบบ offline กระโดดมาใช้พวกเครื่องมือ online ได้แล้วเพราะมีสัญญาณที่ดีว่าควรมาทำได้แล้วครับ
พี่ปองพูดถึงเรื่องการเขียน content ให้ปรับมุมมองการเขียนใหม่ปรับการเขียนให้สั้น Text น้อย รูปสวยอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้อง … โครตสวย !!!
เรื่อง Retargeting หรือการให้ลูกค้ากลับมาซื้อของซ้ำ อย่างที่คุณอาจจะเคยเห็นว่ามีโฆษณารองเท้า ที่จะตามเราไปทุกเว็บเลยยกตัวอย่างโฆษณาของ zarola หากเราไม่สนใจมันจะเปลี่ยนเป็นรองเท้าอื่นๆอีกให้เรารู้สึกว่ามีอะไรใหม่ๆ ดึงให้เราเกิดการซื้อขาย
หากใครต้องการโฆษณาอะไรประมาณนี้ให้ลองใช้เครื่องมือ google desplay network ครับ ด้าน content ศึกษาพฤติกรรมการใช้คำต่างๆให้เหมาะกับคน
ช่วงคำถาม
Q: หากจะให้ลงทุนทำเว็บให้รองรับ mobile แล้วจะอยากรู้ว่ามันจะคุ้มค่าที่จะลงทุนไหม นานแค่ไหนจะได้ทุนคือ ?
A: อย่างไรก็คงต้องทำเพราะยังไง trend ก็มาทางนี้อยู่ดี แต่ควรจะขายควบคู่ไปก่อนเช่น ถ้าซื้อตำแหน่งตรงนี้ในการแสดงผลแบบ PC ถ้าแสดงผลในรูปแบบมือถือก็จะอยู่ตรงนี้ อะไรทำนองเนี้ยครับ และต่อไปอนาคตเรื่อง ads นั้นต้องฉลาดเพราะคนจะอยากรู้ว่าคนเห็นเป็นใครมากกว่าแค่ใครจะเห็น
Q: Line ลงทุนแล้วคุ้มค่าไหมกับเงิน 5 ล้านบาท ?
A: ถ้าซื้อแล้วไม่ดี คงต้องมีคนไม่ทำแล้วแหละครับ แต่อันนี้ยังคงมีคนทำอยู่ และมีคนเข้าถึงเนื้อหาที่สื่อออกไปเยอะถึง 60%
สรุป
พี่เม่น – เว็บต้องรองรับด้าน mobile คนสมัยนี้สมาธิสั้นมาก ทำ VDO ดึง ทำ Page เดียวจบให้ได้ ศึกษาพวก input ใหม่ๆจากมือถือ ( ปาดซ้าย ปาดขวา ) พยายามอย่าให้คำเกิน 250 คำ
พี่ปอง – ปีของลูกค้าฉลาด หาข้อมูลเองแล้ว สินที่เราต้องทำคือ ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่าย อย่ายัดเยียด
พี่ป้อม – ตรงใจและจริงใจ ใช้งบน้อยกว่าขายของได้เยอะกว่าก็ชนะไป วิเคราะห์การตลาดให้ดี ต้องเก่ง
พี่ฮันท์ – cloud อยากให้นักพัฒนามาลองของตรงนี้ หาความยั่นยืน พัฒนา solution ให้ตอบโจทย์หาเครื่องมือที่เหมาะสม แต่การจะรู้ได้ว่าอันไหนเหมาะสมก็ต้องเข้าไปลองเล่นอยู่ดี
สุดท้ายขอบคุณ น้องหยกสำหรับรูปด้วยนะครับ :) ใครสนใจสถานที่ทำงานที่พร้อมสรรพราคาไม่แพงลองได้ที่ Hubba ครับ