ไปงาน Event มาครับแต่กลับมาเขียนช้า เพราะอู่ 555+ งานเยอะ (อ้างหน่อย) แต่ก็ตั้งใจว่าจะแบ่งปันเรื่องดีๆจากงานเนี้ย ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมงาน Event ทางเว็บกับเขาเท่าไร เพราะปกติไปเพราะ อยากเจอคนรู้จัก ได้ทักทายกันบ้างทำนองเนี้ย แต่งานนี้ทำให้ผมคิดผิดมากกกกกกกกกกก เพราะอะไรนั่นหรอ ตามไปอ่านกันเลยจ้า
Webpresso คืออะไร ?
คืองานที่ทางสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย https://www.webmaster.or.th/ จัดขึ้นเพื่อให้คนได้เข้ามาฟังเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ เพื่อให้ update ข่าวสารหรือ เทคโนโลยีใหม่ๆ ครับ ใครอยากรู้มี event อะไรบ้างดูที่นี่ได้เลย
https://www.webmaster.or.th/?s=webpresso
งานที่ผมไปคราวนี้นั้น รายละเอียดคราวๆของานว่าใครพูดอะไร ใครพิธีกร เชิญจัดที่นี่
>> รายละเอียดของงาน webpresso <<
ที่ผมจะนำมาเล่านั้นจะมาเล่าแบบคราวๆไม่มีการมาบอกเป็น section นะครับเพราะว่า ผม … เข้าไปสายครับ 555+ ก็เลยจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ว่าเรื่องหลักๆมันส์ๆ เจ๋งๆก็จะมาบอกกัน เอาล่ะ ไปดูกันเลยแล้วกันว่าเป็นไง ( เนื้อหานี้คือผมเข้าไปทีหลังนะครับ อาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ )
แชร์ประสบการณ์
วงใน Wongnai.com
ไม่มีการวางแผน Business Plan ได้แรงบันดาลใจมาจาก yelp โดนเป็นเว็บ Review ร้านอาหารโดยประสานกับ Google Map แหละแต่คนส่วนใหญ่ชอบไปดู 4sq ซึ่งในตอนนั้นในประเทศไทย 2 -3 ปีนั้นยังไม่มีคนทำ ถึงมีนั้นก็ข้อมูลน้อยไม่ update เราจะมาถามเพื่อน ว่าร้านไหนอร่อยตลอดก็ไม่ได้ บางคนจำชื่อร้านไม่ได้อีก เขาอยากได้มากจึงลงมือทำเอง จึง ทำเลย! ใช่ครับเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์มาก คือไม่ต้องคิดมากไรอยากทำก็ทำก่อน Business Plan ทีหลังก็ได้ เพราะมัวแต่รอให้แผนเสร็จก็ไม่รู้ว่ามันจะถูกต้องอย่างที่เราคิดหรือเปล่า หรือบางครั้งมันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้กว่าจะทำแผนเสร็จ
สิ่งที่เขาบอกต่อมาก็คือ เรื่อง Data ข้อมูลต่างๆในประเทศของเรานั้นไม่มีข้อมูล support เราเท่าไรเลย ก็นะคงไม่ต้องบอกนะว่าการทำงานของราชการมันเจ๋งแค่ไหน เขาจึงไม่ทำ Business Plan เพราะนี่คือหนึ่งในสาเหตุด้วยครับ
คบคิด.com kobkid.com
เป็นเว็บไซร์เกี่ยวกับการซื้อขายคอนโด โดยคุณยอดเขาแนะนำว่าให้เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองสนใจ ทำได้ดี มีความเป็นไปได้ด้านการเงิน และเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก เรื่องที่ยากสำหรับเว็บของคุณยอดคือการสร้าง community เพราะเขาเล่าว่าตอนแรกไม่มีคนเล่นเลย เขาจึงบอกว่า เขาแก้ไขปัญหาโดยการมีการสอนคนใช้ ( User ) ให้ฟรีๆ เมื่อมีคนเริ่มขายก็จะมีคนซื้อตามมา ให้เราตั้งเป้าว่าเราจะทำอะไรอย่างไร รายได้โฆษณาเข้ามา เพราะว่าเปิดเป็น Service แบบไม่เก็บเงิน แต่ก็มีปัญหาตอนแรกๆเกี่ยวกับการ update content พอสมควรเหนื่อย เพราะว่าจะต้องไปติดต่อแบบ Offline ในตอนแรกๆ ให้ User รู้จัก
ประสบการณ์การเจอการแก้ไขปัญหา
คุณไผท ( Builk.com เป็นเว็บไซร์ที่ทำธุรกิจแบบ B2B โดยเกี่ยวกับการก่อสร้าง )
เจอผู้รับเหมาที่มีปัญหาเยอะ ระบบ ERP (Enterprise resource planning) ขายไม่ได้ การทำ Business Plan ไม่ช่วยอะไร ในตอนแรกตัวเขาเองคิดว่าจะทำ Builk.com เป็นเวอร์ชั่น Subscribe ( ถ้าใครไม่รู้จักมันคือการเก็บเงินแบบสมัครสมาชิกอ่ะครับ ) แต่ก็ไม่ได้ทำ พี่ไผทนั้นเน้นย้ำเรื่องที่ว่า ต้องสู้อย่าทิ้ง ส่วนเรื่อง Business Plan นั้นเขาบอกว่าไม่มีอะไรที่เราคาดการได้ตรงต้องมีการ ปรับเปลี่ยน
ระบบ Build.com ของพี่ไผทนั้นพยายามให้คนที่ใช้ต้องอยู่กับระบบของเขามากที่สุดอย่างน้อยถ้าคุณทำงานด้านนี้ก็ต้องอยู่ 8 ชั่วโมงอ่ะครับ พี่เขาบอกต่ออีกว่าจังหวะท้อก็มี แต่เราต้องมี Passion ในสิ่งที่ทำ ( อารมณ์ประมาณว่าแค่รักยังน้อยไปต้องลุ่มหลงเลยทีเดียว ) หาให้เจอว่าวงการที่เราอยู่นั้นอะไรที่มันยังไม่ดี อะไรที่เราสามารถเข้าไปแก้ไขได้
พิธีกรถามว่าแล้วการที่สร้าง Builk.com มานั้นจะไม่เป็นการกินธุรกิจตัวเองหรอ ( Cannibalize )
พี่ไผทตอบว่า ก็มีบ้างแต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นไปในทางที่ดี และต้องกล้าที่จะทำด้วย
คุณพิพัฒน์ @chyutopia ( thumbsup.in.th ) เว็บไซต์ข่าวและบทความธุรกิจดิจิตอล
- ตัวข่าวบางทีเป็นเรื่องที่คนอ่านรู้สึกว่าไกลตัว หรือบางทีเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เข้าถึง User ได้
- จะคัดเลือกข่าวภาษาอังกฤษที่น่าสนใจและแปลในภาษาของตัวเอง
- ตอนนี้ได้เป็น partner กับ http://www.techinasia.com/ เว็บของทางสิงคโปร์
- มีการขยายช่องทางการเข้าถึงเกือบทุก Device ( TV,ipad,iphone, website ฯลฯ )
- แต่มีอุปสรรคใหญ่คือเรื่องการจัดสรรเวลาของแต่ละคน เพราะทำงานประจำอยู่ แต่เนื่องจากทำแบบ online จึงมีเครื่องมือหลายๆตัวที่เข้ามาช่วยไม่ว่าจะเป็น skype , google doc
- เน้นคล้ายๆกับทุกคนคือ Passion ความรักลุ่มหลงในสิ่งที่ทำ
- VC ชอบมองที่ Team work มากกว่า Business Plan
ซึ่งเกือบทุกคนจะพูดถึงเรื่อง Passion และ Team work
อุปสรรค
วงใน
ลูกค้าไม่จ่ายเงิน !!! เขาจึงแก้ไขโดยการต้องจ่ายเงินมัดจำก่อนหรือจ่ายล่วงหน้าแล้วก็มีระยะจ่ายไม่นานมาก แม้แต่พนักงานมายืมเงินแล้วหายไปเลย !! ก็มีอยากให้คุณผู้อ่านดูไว้ด้วยนะครับ พวกเนี้ยไม่ใช่จะไว้ใจได้
วงในเริ่มต้นด้วยคนเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น บางทีเขาก็บอกว่ารายใหญ่ที่มีเงินเยอะก็อาจจะแข่งขันได้ง่าย คนก็เยอะกว่าเงินเยอะกว่า แต่ … เขาพูดว่า อุปสรรคในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็เล็กลง
มาดูปัจจัยอื่นๆว่า
พิธีกรถามว่า : แล้วตัวของ Service ล่ะมีปัญหาหรือเปล่า ?
วงใน: ไม่ได้รับการสนับสนุนของคนไทย ( ข้อดีผมคิดว่าจริงมาก !! ) เขาบอกว่าบางทีฝ่ายการตลาด ไม่ดูว่า app ของเขาเจาะกลุ่มตลาดไทย ดันไปทำ Marketing หรือโฆษณากับ 4sq ซะงั้น ใครเป็น Marketing ตรงนี้ก็ลองรับไปพิจารณาดูนะครับลองสนับสนุนคนไทยกัน เขาบอกต่ออีกว่า เพราะว่าตัวเองเป็น Brand คนไทยจึงาทำให้ถูกมองข้าม ( น่าเศร้า T_T ) แม้แต่รัฐบาลก็ไม่ได้เหลียวแล ( อืม … ก็น่ะเอาเงินไปซื้อ tablet อยู่ไง ) ทั้งๆที่เขาบอกว่า app ของเขานั้นรู้ลึกรู้จริง ( อันนี้เรื่องจริงครับ ใครยังไม่มีลองไป Load ดูจ้า )
พี่เขาบอกว่าบางทีก็ท้อ และทางบ้านก็ไม่อยากให้ทำเพราะคิดว่าทำไปไม่รอด ที่บ้านเขามีธุรกิจที่มั่นคงกว่า ( ส่วนใหญ่คนที่บ้านมีฐานะมีธุรกิจอยู่แล้วจะมองอย่างนี้เยอะ )
และยังบอกด้วยว่า การทุบหม้อข้าวตัวเองนั้นก็ถือเป็นทางหนึ่งที่ผลักดันเรา ( สำหรับผมคิดว่าข้อนี้จริงมากตราบใดที่เรายังรู้สึกสบายกับการทำงานเป็นเดือนๆเราจะไม่สามารถออกมาทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ใช่ว่าจะไม่มีแต่ทำได้ยากกว่า ซึ่งการทุบหม้อข้าวตัวเองจะทำให้เรามีแรงกดดันและผลักดันให้สู้ปัญหา เพราะไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว )
ต้องเชื่อมั่นในทีมของตัวเอง และโปรเจ็คของตัวเองว่ามันมีประโยชน์ได้ผลจริง ! อย่าลืมว่าทีมงานเล็กก็เคลื่อนไหวเร็วปรับเปลี่ยนได้ง่ายกว่าบริษัทใหญ่ๆและที่เขามาลงเล่นตลาด App นั้นเพราะว่าคนไทยเราดันมีมือถือประมาณ 70 ล้านเครื่องในขณะนี้
คบคิด.com
พี่เขาบอกว่าอุปสรรคคือมี website จำนวนมากที่ทำและยังไม่เป็น community ซักเท่าไร คิดดูถ้าสมมติว่าสามารถร่วมมือกันได้ก็อาจจะช่วยกันผลักดันให้ระบบพัฒนาและใหญ่ไปด้วยกันได้
อย่าโลภตอนที่มีกำไร เมื่อมีเงินให้นำเงินไปพัฒนาระบบให้ดีกว่าเดิมก่อน การจ้าง Out Source นั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่อยากได้นักพัฒนาเข้ามาทำงานโดยไม่จำเป็นเช่น คุณอยากได้เว็บไซร์ พอทำเสร็จก็ไม่รู้จะให้งานอะไรต่อซึ่ง กลายเป็นเราก็ต้องมานั่งหางานให้เขาทำ เสียดายเวลาทั้งคู่
พิธีกรถาม : ทำอย่างไรให้เขาเห็นคุณค่าใน product ของเราล่ะ ?
คบคิด : ให้เราคิดเสมือนหนึ่งว่ีาเราเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเขาควรจะเพิ่มเติมอะไร แนะนำอะไรได้บ้าง มีทางอะไรที่ดีก็ช่วยเสนอไป และที่สำคัญต้องมีจรรยาบรรณทางธุรกิจ
พิธีกรถาม : มีปัญหาการโกงหรือหลอกลวงไหม เพราะ E-commerce นั้นเป็นปัญหาคู่กันเลยทีเดียว ?
คบคิด : ไม่เคยเจอ เพราะการซื้อขายคอนโดนั้นจำเป็นต้องมีหลักฐาน ไปเจอตัวดูห้องกันจริงๆ การโกงจึงทำได้ยากมาก
พิธีกรถาม : แล้วปัญหาด้านกฎหมายมีผลกระทบต่อเราไหม ?
คบคิด : ก็ยังมีัอยู่พวกกฎหมายการจัดการเรื่องนี้ต้องมีเอกสารเยอะเยะ ถ้าในอนาคตจะสะดวกคงต้องคล้ายกับต่างประเทศ เขา Bid ( ประมูล ) กันเป็นเรื่องธรรมดาเลย และยังสามารถมีลูกเล่นอื่นได้อีก เช่น ถ้าคุณจะซื้อบ้านแถวนี้มีรายการอาชญากรรมว่าเกิดขึ้นกี่ครั้งคิดเป็นคิดเปอร์เซ็นต์ ( ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ามันเจ๋งมาก ! แต่คุณอยากลืมว่าคุณกำลังดำรงชีวิตอยู่ในประเทศที่มีคนค่อนจะหาผลประโยชน์กันอย่างชนิดที่ว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา … )
หลังจากนี้จะเป็นพักเบรค 15 นาทีเพื่อกลับมาคุยกันกับเรื่อง VC ( Venture capital ) และ Angel
VC VS Angel
VC ทำเพื่อผลประโยชน์ต้องมี return เป็นรูปแบบองค์กรให้เงิน เอาหุ้น Angel เป็นบุคคลที่มา support เงินไ่ม่ก้าวก่ายเหมือน VC แต่ !
VC เป็นอะไรที่น่าเข้าหามากกว่าเพราะว่ามี Know How ( ในที่นี้หมายถึงว่าความรู้ความสามารถ เพราะพวก VC จะจัดหาคนที่รู้เรื่องที่เราอยากรู้ หรือคนที่เีชี่ยวชาญมา่ช่วยเหลือเราไม่ใช่ให้แค่เงินเพียงอย่างเดียว ) กว่าจะได้เงินนั้นไม่เหมือนกับเราไปขอเงินพ่อแม่นะครับ ใครฝันว่าได้เงินซััก 30 ล้านจาก VC แล้วเชิด เลิกคิดไปเลย ! คุณต้องทำ deal intelligence ( เป็นคล้ายๆกับว่าคุณต้องวางแผนให้เขาเห็นว่าช่วง 3 เดือนจะทำอะไรบ้างต้องการเงินเท่าไร แล้วได้อะไรกลับมา ประมาณนี้เลย ) เงินไม่ได้เป็นกองนะครับ เขาก็จะให้เงินคุณตามแผนที่คุณเอาไป deal กับเขานั่นแหละครับ และมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์
อย่างของพี่ที่ทำนากุ้งนั้นเป็น Angel ก็มีปัญหาที่ควบคุมไม่ได้อยู่อย่างเช่น โรคระบาคหรือมีการโกงของลูกจ้าง ซึ่งทาง Angel ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็จัดหาคนที่เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือเราให้คำแนะนำถ้าเจอปัญหาอย่างนี้ทำอย่างไร ( จะเห็นว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นอะไร บางคนก็ให้ความช่วยเหลือเต็มที่เหมือนกัน )
Builk.com
พี่เขาได้ไป present ที่เวียดนามและได้เป็นตัวแทนไปต่อที่สิงคโปร์ ถือว่าเป็นคนที่เจ๋งมากๆคนหนึ่งของประเทศเราเลยทีเีดียวทั่งๆที่พี่ไผทไม่ได้ต้องการชนะ พี่เขาบอกว่าต้องการไปหา partner ที่เวียดนามเท่านั้นเอง
พิธีกรถาม : ไม่กลัวคนอื่นเอาแนวคิดเราไปเลียนแบบหรอ ( กรณีอย่างนี้บ้านเราแหม่งทำจนเป็นเรื่องปกติจริงๆจากที่เห็นพี่ๆในวงการโดนกัน )
พี่ไผท : เรามี SecretSource อย่าไปกลัว และก็อย่างที่บอกว่าพี่เขาไม่ได้ต้องการ VC/Angel แต่อย่างใด
Trick ของพี่ไผทที่ไป present คือ
- บอกให้ชัดเจนว่าตัวเองทำอะไรยังไง
- Team work เจ๋ง ! มั่นใจ
- VC ชอบวงการที่มีโอกาสโต ( พี่เขาบอกว่า VC ในงานเบื่อมากพวกเว็บ Social พวกซ้ำๆซากๆ )
- Growth plan การเจริญเติบโตของเรา
- Focus ชัดเจนว่าเป้าหมายแต่ละก้าวคืออะไร
- มีโอกาส คล้ายกับ Growth นั่นแหละ
เมื่อ VC สนใจเราอย่ารีบกระโดดงับโดยทันที พี่ไผทเชื่อว่า เราเลือกได้ จึงอยากให้ลองศึกษาคนที่เข้ามาก่อนว่าเขามองเห็นสิ่งเดียวกับเราหรือเปล่า ไม่ใช่ให้เงินแล้วมาคุมอำนาจก็ไม่ไหว ไปกันไม่รอดและยังคงเชื่อว่าจริงๆแล้วไม่ต้องการ VC หรอก โดยพี่ไผทได้แชร์ slide ( ทำโครตเจ๋งขอบอก ผมเชื่อว่าพี่แกทำได้ดีกว่าคนในวงการหลายๆคนทำ และที่สำคัญคือใน power point ว่ะครับ จะแจก link ให้ดูหลังบทความนะจ๊ะ )
คบคิด.com
- ให้เลือก VC/Angel ที่มีมุมมองเดียวกับเรา ( คุ้นๆมะ แต่เชื่อเถอะว่าพี่ๆเขาเจอมาหลายคนแล้วแหละ )
- อย่าคิดว่าจะหาเงินแล้วเลิก !!! ( ซึ่งหลายคนแหม่งก็คิดอย่างนี้แหละผมก็คนหนึ่ง ) เพราะว่า …มันจะทำให้เราทำงานได้ไม่ดี
- คนจะทำอย่างนี้ได้ต้องมีประสบการณ์แล้วซึ่งมันคงนานพอดู
- หาคนที่พร้อมจะให้เงินคุณจริงๆเมื่อคุณต้องการ
- ทำในสิ่งที่คุณตั้งใจดีกว่า อย่าคิดแต่จะหาเงินก่อน
- VC ได้มาอาจจะเป็นทุกขลาภก็ได้ถ้าไม่ิคิดให้ดี
- เลือกเส้นทางดีๆ โตช้า / โตเร็ว จะเอาอะไรยังไง ต้องทำอะไรบ้าง โอกาสเวลาเป็นสิ่งสำคัญ
- ธุรกิจด้าน IT เข้าง่ายก็ออกง่ายเหมือนกัน
- เลือก VC/Angel ที่พร้อมจะให้ Know/How แก่เราด้วย
- แต่การเติบโตช้านั้นไม่เหมาะสมกับธุรกิจ startup ด้าน IT เพราะเข้าง่ายจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้ว จะโดนแซงง่าย เราจะตายก่อน
ต่อมาพิธีกรถามเกี่ยวกับว่า : ความเป็นเจ้าของมีความสำคัญแค่ไหน ( บางคนอาจจะงง เพราะว่าการมี VC /Angel นั้นก็จะมีการเอาหุ้นไปส่วนหนึ่งถือเป็นเจ้าของร่วมนั่นแหละ ไม่ถึงขนาดเอาไปหมดหรอก)
พิพัตน์ @chyutopia ( Thumbsup.com )
ไม่ค่อยจะเป็นกังวลเท่าไรกับเรื่องนี้ การเสียนิดหน่อยแล้วทำให้เราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดย่อมดีกว่า ถ้าจะออกจากการเป็นเจ้าของก็คงขายเข้าตลาดห้นไปเลย
ยอด @yodchin ( wongnai.com )
ถ้าไม่คิดออกเงิน 100% ก็อย่าคิดจะเป็นเจ้าของ 100%ความจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นหาเงินให้เราฉะนั้นค่าตอบแทนต้องมี
ภานุ ( kobkid.com )
ไม่ต้องเป็นเจ้าของเลยก็ได้ ยังไงถ้าเราคิดอะไรใหม่ได้ตลอดก็ขายแหม่งเลย !! ทำนองเนี้ยแหละจ้า
พี่ไผท ( builk.com )
ถ้าถามวันนี้คงอยาก เมเจอร์แชร์อยู่ ถ้าเจอคนฉลาดกว่าและคุยกันได้่ก็คงให้ แต่ ณ วันนี้ยังมองเห็นลู่ทางอยู่ ( แกชอบมองว่าตัวเองโง่ ! แกพูดคำนี้บ่อยแต่ผมรู้สึกว่าแกเก่งมากในหลายๆด้านและเพราะแกก็ขยันเหมือนกันไม่ใช่ว่าแกนั่งสมาธิแล้วเกิดความรู้ )
Q&A
Q: ลงเงินไปเท่าไร กับทีม และให้คนละเ่ท่าไร
A: พิพัฒน์ : มี VC มาก่อนตั้งแต่ตั้งทีม ส่วนทีมก็หาจากตอนที่เรียน ป.โท
A: พี่ยอด ( วงใน ) : 1 ล้านบาท และแนะนำว่าทีมควรจะหาคนที่เป็นแบบความสัมพันธ์ weak link นั่นก็คืออย่าเอาเพื่อนสนิทคนใกล้ตัว เพื่อน ม. ปลาย แต่ให้หาคนที่เจอกันตามงานที่เรารู้ว่าคนนี้เก่ง เป็นต้น
A: อันนี้ไม่รู้ใครตอบ : ขายฝันคนใกล้ตัวก่อนถ้ามันดีคนก็อยากร่วมด้วย
Q: มี Time management กันอย่างไรบ้าง ? ( อันนี้หมายถึงวันๆหนึ่งทำไรบ้าง )
A: ภานุ : ดู state ข้อมูลนำ้มาแก้ไขปัญหา , update ข้อมูลตัวเองบ่อยๆ , คุยกับทีมงาน
A: ไผท : ผลักดันตัวเองให้เรียนรู้อยู่เสมอ , หา state ต่างๆของระบบมาวัดค่าแล้วนำไปแก้ไข, เขียน Idea คุยกับคนอื่นบ้างที่ไม่ได้อยู่ในสายงานเราจะได้ Idea ใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆแปลกๆ , Service Sci ( เอาเทคโนโลยีมาแก้ไขปัญหา/บริการ ถ้าผมจำไม่ผิด )
ช่วยเช้าจะแบ่งเป็น 3C คือ ดู Customer , Competitor, Company ดูลูกค้าเราทำอะไรบ้าง คู่แ่ข่งเราไปถึงไหนแล้ว ตัวเราเองล่ะเป็นไง
เสริม ถ้าจ้างคนต้องจ้างคนที่เก่งกว่าเรา แต่คนที่เก่งกว่าเราบ้างทีก็จ้างไม่ได้เพราะแพง ก็ต้องจ้างอย่างน้อยก็เก่งเท่าเราถ้าสมมติว่าเราต้องทำงานด้านนั้น
Q: เส้นการตัดสินใจจะทิ้งโปรเจ็คหรือไม่ มันจะมีประโยชน์จริงๆหรือเปล่า มันจะขายได้จริงไหม ?
A: ให้ถามตัวเองก่อนว่า Idea เรามันไปได้จริงๆไหม ให้หลายๆคนช่วยตบความคิดเรา
A: ไผท เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ต้องทุ่มเทกับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่มี passion ตบเข่าฉาด
โอเ้คก็จบไปแล้วสำหรับงานดีๆจาก webpresso หากใครคิดว่างานดีๆอย่านี้ไม่ควรจะพลาดนั้นก็สมัครสมาชิกเลยได้เพียงแค่ ปีละ 200 บาท ก็สามารถมาร่วมงานได้ทุกครั้งที่มีการจัดและติดต่อข่าวสารใหม่ๆได้อีกด้วย สำหรับบทความนี้ขอจบเพียงเท่านี้ครับ หากผมมีการเรียงผิดพลาดตรงไหนอย่างไร รบกวนแจ้งไว้ได้เลยครับจะขอบคุณมากๆ
ปล. ไม่ลืม link slide หรอกนะ จัดกันไปเลยที่นี่ http://www.slideshare.net/bizbote/builk-presentation-deck-in-echelon-2012